ท้องฟ้า จริงๆแล้วสีอะไร ทำไมฟ้าตอนกลางวันจึงเป็น สีฟ้า ทำไมไม่เป็นสีดำในเมื่อ จักรวาล นั้นเป็นสีดำ เหมือนตอนกลางคืน หลาย ๆ คนอาจจะบอกว่า ก็ตอนกลางวัน มันมีแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ เลยไม่เป็นสีดำเหมือนตอนกลางคืน มันก็ถูกแต่ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมตอนกลางวันฟ้าไม่เป็นสีขาว เหมือน แสงอาทิตย์
คำอธิบายง่าย ๆ ของคำถามที่ว่า ทำไมท้องฟ้าถึงเป็นสีฟ้า เกี่ยวข้องกับการที่แสงจากดวงอาทิตย์ทำปฏิกิริยา กับชั้นบรรยากาศของโลก แต่ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจ เราต้องมาอธิบายเกี่ยวกับแสงกันก่อน SA Gaming
นานมาแล้วที่มนุษยชาติแอบเงยหน้าเหลือบมองฟ้าในบางครั้ง แม้กระทั่งในช่วงเวลาหนึ่ง เราเพียงแต่เฝ้ามองสีที่เปลี่ยนไปของฟ้า ทั้งเช้าตรู่ และยามตะวันลับลาลงไป ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ฟ้าทำให้เราได้ “รู้สึก” ถึงจิตวิญญาณภายใน มากกว่าเพียงภาพที่รับรู้ได้ผ่านการมอง หรือแม้ในวัยเยาว์
เรายังเคยจินตนาการเห็นก้อนเมฆเป็นรูปต่าง ๆ เล่าเรื่องราวผ่านปุยเมฆสีขาวนวล ตัดกับฟ้าสีครามเมื่อร้อยปีที่แล้ว มนุษย์เรายังคงเป็นผู้สงสัยใคร่รู้ไม่เปลี่ยน จากคำถามที่ว่า “ทำไมท้องฟ้าเป็นสีฟ้า” และ “เหตุใดฟ้าจึงเปลี่ยนสี” ยังคงเป็นคำถามอันใสซื่อบริสุทธิ์ของเด็ก ๆ เสมอมา pg slot
คำตอบของสิ่งเหล่านี้ ได้มีบันทึกการไขปริศนาตามหลักวิทยาศาสตร์ไว้แล้ว จนกระทั้งเวลาล่วงเลยมาถึง ศตวรรษที่ 19 นักฟิสิกส์ชาวไอริส นามว่า John Tyndall จึงสามารถอธิบายได้ว่า ทำไมท้องฟ้าจึงเป็นสีฟ้าได้ ด้วยทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ ที่มีชื่อว่า ปรากฏการณ์ทินดอลล์ (Tyndall Effect) ที่ว่าแสงคลื่นสั้นเกิดการกระเจิง ได้ดีกว่าแสงคลื่นยาว เมื่อไปกระทบกับอนุภาคแขวนลอยในของเหลว
การใช้ Pointer เลเซอร์ยิงผ่าน แก้วน้ำ 2 ใบ ใบทางขวาเป็นน้ำเปล่า จะมองไม่เห็นลำแสงเลเซอร์ที่วิ่งผ่าน แต่แก้วอีกใบ เป็นน้ำที่มีตะกอนแขวนลอย แสงเลเซอร์ที่วิ่งผ่าน จะวิ่งไปกระทบกับอนุภาคแขวนลอยในน้ำ แล้วแสงจะเกิดการ กระเจิง สะท้อนเข้าดวงตาเราทำให้สามารถ มองเห็นลำแสงสีแดงได้นั่นเอง
ในชั้นบรรยากาศนั้นประกอบ ไปด้วยโมเลกุลของแก็ส (เป็นอนุภาคขนาดเล็ก) และ ฝุ่น ผง เถ้า ผลึกเกลือ ผลึกน้ำแข็ง ละอองน้ำ (กลุ่มนี้เป็นอนุภาคขนาดใหญ่)
แสงแดดก็คือแสงที่ดวงอาทิตย์ส่องมายังโลกของเรา ผ่านอวกาศและชั้นบรรยากาศของโลก แสงที่ส่องมานี้ว่ากันว่า “เดินทางเป็นเส้นตรง” เราต่างก็รู้กันอยู่แล้วว่า ระยะทางระหว่างดวงอาทิตย์และโลกเรานั้นไกลกันมาก ๆ เลย
กว่าแสงจากดวงอาทิตย์จะส่องลงมากระทบผิวโลก กระทบสิ่งต่างๆ บนโลก แล้วสะท้อนมายังดวงตาคู่น้อย ๆ ของเรา “แสง” ต้องส่องผ่านสิ่งต่าง ๆ หลายอย่าง เราจะเล่าเรื่องการเดินทางไกลของแสงนี้ อย่างละเอียดแล้วกันนะ
คือว่า แสง จากดวงอาทิตย์เนี่ย เขาเป็นสีขาว โดยสีขาวของแสงจะต่างไปจากสีขาวของสิ่งของต่างๆที่เราพบได้ทั่วไปมากทีเดียว เพราะแหล่งที่มาต่างกัน แสงสีขาว ต่างออกไปจากสีขาวของดอกไม้ ต่างจากสีขาวของขนสัตว์ และต่างจากสีขาวของกระดาษ สล็อต
เพราะว่าทั้งดอกไม้ ขนสัตว์ และกระดาษ ต่างก็เกิดมาจากเม็ดสี (Pigment) แต่ตัวตนของ แสงสีขาวกลับต่างออกไปเพราะเกิดจากสีของแสงทั้ง 7 สี ที่ผสมผสานกลมเกลียวจนรวมกันเป็นหนึ่งเดียว เราสามารถอธิบายการผสมผสานกันของแสงสีได้จากการทดลองจากแท่งปริซึม
เมื่อแสงอาทิตย์ส่องผ่านแท่งปริซึมแล้วสะท้อนออกมา จะเห็นเป็นแถบสีทั้งหมด 7 แถบ ได้แก่ สีม่วง, คราม, น้ำเงิน, เขียว, เหลือง, ส้ม, แดง ที่สะท้อนออกมาแบบไม่ได้แบ่งชั้นกันอย่างชัดเจน
แต่ระหว่างสองสีกับมีความกลมกลืนเข้าหากัน อย่างมีเสน่ห์ชวนมอง และแถบทั้ง 7 นี้ยังเป็นเสน่ห์ดึงดูดสายตายามที่มีแดดจ้า เมื่อฝนที่ตกหนักเริ่มซาลง ความงามที่ว่านั้นคือ ปรากฤการณ์รุ้งกินน้ำนั่นเอง แถบสีของรุ้งกินน้ำก็เหมือนแถบสีที่สะท้อนออกมาจากปริซึมนั่นเอง
เมื่อเล่าถึงตัวตนที่แท้จริงของแสงสีขาวกันมาแล้ว คราวนี้จะได้เริ่มการเดินทางที่น่าตื่นเต้นของ แสงสีขาว นี้เสียทีนะ joker gaming
แสงสีขาวนั้นกำเนิดจากดวงอาทิตย์อย่างที่บอกไปแล้ว แสงได้ออกเดินทางผ่านห้วงอวกาศ (สุญญากาศ) เป็นเส้นตรง เป็นการเดินทางออกมาพร้อมๆกันของทั้ง 7 แถบสี การเดินทางพร้อมๆ กันทั้ง 7 สีนี้เรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า รังสีของแสงอาทิตย์
โดยแต่ละแถบสีจะมี ความยาวคลื่นไม่เท่ากัน คลื่นแสงยาวที่สุดก็คือ คลื่นแสงสีแดง คลื่นแสงที่มีความยาวคลื่นสั้นที่สุด คือ คลื่นแสงสีน้ำเงิน ส่วนสีอื่น ๆ ก็มีความยาวคลื่นลดหลั่นกันไป แต่การมีช่วงคลื่นที่สั้นของแสงสีน้ำเงิน กลับมีพลังวิเศษบางอย่างที่สามารถ ตกกระทบโมเลกุลของอากาศ บนชั้นบรรยากาศของโลกที่ประกอบด้วยแก๊สหลายชนิด
ซึ่งมีไนโตรเจนและออกซิเจนเป็นองค์ประกอบหลัก และยังมีไอน้ำ รวมถึงละอองฝุ่นอีกด้วย ในระหว่างที่แสงอาทิตย์ที่ประกอบไปด้วยรังสีของแสงทั้ง 7 ได้เดินทางผ่านชั้นบรรยากาศโลกเข้ามานั้น
รังสีของแสงจะชนกับโมเลกุลของแก๊สและฝุ่นเหล่านั้น เกิดการสะท้อนและหักเหของแสง จนทำให้เกิด การกระเจิงของแสง ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่แสงกระจัดกระจายไปโดยรอบทุกทิศทาง
แสงสีน้ำเงินมีช่วงความยาวคลื่นที่สั้นกลับรับมือกับการชนเข้ากันกับสิ่งต่างๆ บนชั้นบรรยากาศโลกได้ดีกว่า ทำให้เกิดการกระเจิงของแสงได้ดีที่สุด และยังเป็นผลให้สามารถสะท้อนออกมาให้เราได้เห็นสีน้ำเงินนั้นดีกว่าสีอื่นๆ
แต่แสงสีม่วงที่มีความยาวคลื่นสั้นที่สุดน่าจะกระเจิงได้มากที่สุดนี่นา แล้วฟ้าจึงไม่เป็นสีม่วงล่ะ? อย่างบอกในตอนแรกว่าแสงจะตกกระทบสิ่งต่าง ๆ แล้วสะท้อนมาสู่ดวงตาของเรา
ดังนั้นการมองฟ้าจึงจ้องพึ่งพาเซลล์รับแสงที่จอตาของเราด้วย เซลล์รับแสงที่ว่านี้ จะไวต่อแสงสีแดง สีน้ำเงิน และสีเขียวเท่านั้น และอีกปัจจัยหนึ่งก็คือ แสงอาทิตย์มีแสงสีม่วงน้อยกว่าแสงสีอื่น และยังถูกดูดกลืนไปมากในบรรยากาศชั้นบนด้วย แสงสีม่วงจึงมีผลน้อยมากต่อการรับรู้สีของฟ้า
มาวิเคราะห์ที่แสงสีเหลือง ส้ม แดง กันบ้าง แสงดังกล่าวมีการกระเจิงน้อยกว่าแสงสีน้ำเงินมาก จึงไม่ค่อยมีผลที่ทำให้สีเหล่านั้นการสะท้อนมาสู่ดวงตาของเรา เราจึงเห็นสีฟ้าโดยรวมเป็นสีฟ้าครามในวันที่อากาศสดใส ประกอบกับโมเลกุลของอากาศบนชั้นบรรยากาศที่ติดกับผิวโลกนั้น เต็มไปด้วยอนุภาคสารแขวนลอยในอากาศ jokerslot
เช่น อนุภาคของไอน้ำและละอองฝุ่น สารแขวนลอยเหล่านี้ มีผลต่อสีของฟ้าเป็นอย่างมาก เพราะจะทำให้แสงสีเขียว สีเหลือง เกิดการกระเจิงมากขึ้น ดังนั้นในบริเวณที่มีมลภาวะทางอากาศสูง หรือในฤดูร้อนซึ่งอากาศร้อนยกตัวพาให้
สารแขวนลอยขึ้นไปลอยอยู่ในอากาศมาก เราจะเห็นท้องฟ้าเป็นสีฟ้าอ่อน และบางทีก็เป็นน้ำเงินเข้มนั่นเอง
การที่รังสีของแสงอาทิตย์ส่องมาตกกระทบโมเลกุลของอากาศบนโลกได้นั้น ถูกเรียกขานกันว่า
การกระเจิงของแสง อย่างที่กล่าวมาแล้ว แต่แสงสีน้ำเงินมีขนาดความยาวคลื่นที่สั้นที่สุด
จึงทำให้เกิดการกระเจิงของแสงได้ดีกว่าสีอื่นๆ จึงทำให้มนุษย์บนโลกมองเห็นฟ้าเป็นสีคราม แต่เหตุที่สีของฟ้าเปลี่ยนไปเป็นสีอื่นๆ นั้นเกิดจากปัจจัยอื่นด้วย
โมเลกุลของแก๊สในบรรยากาศมีขนาดเล็ก ส่วนโมเลกุลของไอน้ำและฝุ่นที่แขวนลอยในบรรยากาศมีขนาดใหญ่ โมเลกุลขนาดใหญ่เป็นสิ่งกีดขวางการเดินทางของแสงความยาวคลื่นสั้น ทำให้ในบางทีแสงสีเหลือง หรือเขียวทำการกระเจิง ได้มากพอ ๆ กับแสงสีน้ำเงิน
ดวงตาของเรารับรู้แสงทั้ง 7 พร้อม ๆ กัน มันจึงเหมือนกับการผสมแสงสีเหล่านี้ จนเกิดเป็นสีฟ้าอ่อน สีฟ้าสดใส น้ำเงินคราม หรือในตอนที่ฝนใกล้ตก มีเมฆมาก สารแขวนลอยในอากาศมีมาก ทำให้ฟ้าเป็นสีมืดครึ้มหรือเป็นสีเทา
ตอนเที่ยง พระอาทิตย์แทบจะตั้งฉากกับพื้นโลก แสงอาทิตย์เวลาเที่ยงทำมุมชันกับพื้นโลกมากเลย ทำให้แสงเดินทางลงมาผ่านชั้นบรรยากาศเป็นระยะสั้น มวลอากาศก็มีสารแขวนลอยน้อย เอื้อให้แสงเดินทางผ่านได้ไม่ยาก ไก่
ตอนเช้าและตอนเย็น แสงอาทิตย์ทำมุมเอียงลาดไปกับพื้นโลก แสงเดินทางผ่านอากาศเป็นระยะทางที่ยาวกว่าตอนเที่ยง มวลอากาศก็มีสารแขวนลอยมาก แสงสีม่วง คราม และน้ำเงินปะทะกับโมเลกุลของอากาศเกิดการกระเจิงที่บรรยากาศรอบนอกจนหมด เหลือแต่แสงสีเหลือง ส้ม และแดงที่กระเจิงได้ไม่ค่อยดีหลุดรอดมาถึงบรรยากาศชั้นล่าง
หากจะมองในเรื่องของความสัมพันธ์กับความเชื่อหรือภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ว่าถ้าเกิดสีฟ้าเป็นสีส้มเข้ม ออกแดงจะเกิดพายุ หรือฝนฟ้าคะนองตามา ตรงนี้ก็สามารถอธิบายได้ด้วยหลักทางวิทยาศาสตร์ที่ว่า เกิดจากการรวมตัวกันอย่างหนาแน่นของอนุภาคหรือมวลสารต่างๆในอากาศ เช่น ไอน้ำ ในบรรยากาศชั้นล่าง ก็คือเมฆฝนนั่นเอง
เมื่อแสงจากดวงอาทิตย์ส่องลงมากระทบกับกลุ่มของไอน้ำที่เกาะกันอยู่หนาแน่น ทำให้แสงที่จะกระเจิงผ่านได้ดีมีแต่แสงสีโทนส้มแดงเท่านั้น ทำให้เรามองเห็นฟ้าก่อนเกิดพายุหรือฝนฟ้าคะนองเป็นสีส้มแดง ไปจนถึงแดงเข้มยิ่งถ้ามีความหนาแน่นของอนุภาคหรือมวลสารต่าง ๆ ในอากาศมีมาก
โดยที่คนโบราณหรือชาวเรือ ได้ใช้วิธีการสังเกต สีท้องฟ้าในการทำนายอากาศ นั่นหมายความว่า ถ้าฟ้าแดงเข้มในตอนเย็นหรือทางทิศตะวันตกจะบอกถึงอากาศจะดีในวันรุ่งขึ้น แต่ถ้าแดงเข้มในตอนเช้าหรือทิศตะวันออก หมายถึงจะมีพายุ ฝนฟ้าคะนองกำลังจะมา ชาวเรือจะไม่นิยมออกเรือนั่นเอง
วิทยาศาสตร์กับความเชื่อ และการคาดการณ์บางอย่าง ของคนในอดีต บางอย่างสามารถพิสูจน์และเชื่อมโยงถึงข้อเท็จจริงได้ ในเมื่อเรามีเทคโนโลยีและนวัตกรรม เราก็ใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ slot
อัพเดทล่าสุด : 16 มิถุนายน 2021 (ข้อมูลล่าสุดปี 2021)